"เพราะเหตุใด ข้าจึงยากจนยิ่งนัก?"

ขวดเปล่า...หากใส่ น้ำเปล่า... จะ มีค่า 5 บาท
ขวดเปล่า...หากใส่ น้ำหวาน... จะ มีค่า 10 บาท
ขวดเปล่า...หากใส่ น้ำผึ้ง... จะ มีค่า 300 บาท
ขวดเปล่า...หากใส่ น้ำหอม... จะ มีค่า 10,000 บาท



จิตใจของคนเรา
ก็เปรียบได้เหมือนกับ ขวดเปล่า...
จะ มีคุณค่า แค่ไหน ขึ้นอยู่กับ สิ่ง ที่ ใส่ลงไป !

ชายผู้ยากจนถาม พระพุทธเจ้าว่า..
"เหตุ ใด ข้า จึง ยากจน ยิ่งนัก?"

พระพุทธองค์ ตรัสตอบ
"เธอ ไม่รู้จักการให้ และ วิธีให้"
ดังนั้น ชายผู้ยากจน จึงพูดต่อว่า,
"ทั้งที่ข้าพระองค์ ไม่มีสิ่งใดให้ นี่ นะ?"

พระพุทธองค์ ตรัสว่า:
"เธอนั้น มีอยู่ไม่น้อยเลย"

ใบหน้า .. ซึ่งสามารถให้ รอยยิ้ม,ความสดใส,สดชื่น,เบิกบาน

ปาก .. เธอ สามารถชื่นชม,ให้กำลังใจ หรือ ปลอบประโลม

ปัญญา .. มัน สามารถให้ ความรู้, ให้ แสงสว่างแก่ ผู้คน

หัวใจ .. มัน สามารถเปิดอก กับ ผู้อื่น,ให้ความจริงใจ,ใสบริสุทธิ์, ให้ความเมตตา

ดวงตา .. ที่ สามารถมองดูผู้อื่น ด้วยสายตาแห่งความหวังดี ด้วยความโอบอ้อม อารี

ร่างกาย .. ซึ่งสามารถ ใช้ เพื่อ ช่วยเหลือผู้อื่น

ฉะนั้น ..แท้จริงแล้ว เธอมิได้ยากจนเลย

"ความยากจน ในจิตใจ คือ
ความยากจนอันแท้จริง"


มีคนแชร์บน Facebook ค่ะ
อ่านแล้วรู้สึกดีมาก  ขอแชร์ต่อเลย


กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว

มีขอทานคนหนึ่งออกขอทานทุกวัน เขาอยากจะมีชีวิตเหมือนคนปกติ เพราะฉะนั้น เขาจึงมักจะขอทานเสบียงกรังและตุนไว้ แต่แม้ว่าเขากักตุนเสบียงมานานหลายปี ยุ้งฉางของเขาก็มีเพียงข้าวสารนิดหน่อย เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเป็นเช่นนั้น เขาจึงตัดสินใจค้นหาสาเหตุ...


คืนวันหนึ่ง เขาแอบอยู่มุมหนึ่งของบ้านและจ้องมองไปที่สถานที่เก็บเสบียง ในที่สุด เขาก็เห็นหนูตัวใหญ่มาขโมยกินเสบียงของเขา 
เขาโกรธมาก ตะโกนไปที่เจ้าหนูว่า 
"บ้านคนรวยมีอาหารเยอะแยะ แกทำไมไม่ไปกิน ทำไมเจาะจงมากินอาหารข้าที่กักตุนมาด้วยความลำบาก"

เจ้าหนูพูดขึ้นว่า 
"ชะตาของเจ้า มีข้าวสารได้แค่ ๘ ส่วน ต่อให้เดินไปทั่วหล้า ก็ไม่สามารถมีข้าวได้ครบถัง"  
ขอทานถามเจ้าหนูว่า "ทำไมเป็นเช่นนั้น" 
เจ้าหนูตอบว่า "ข้าก็ไม่รู้ เจ้าไปถามพระพุทธองค์สิ”

ขอทานจึงตัดสินใจ เดินทางไปทางทิศตะวันตกเพื่อถามพระพุทธองค์ว่า มีเหตุผลอันใด ตนเองถึงมีชะตาชีวิตเช่นนี้

เจ้าขอทานก็ออกเดินทาง เขาขอทานระหว่างทางเรื่อยไป เดินทางไปไกลมาก 
วันหนึ่ง เขาเดินจนฟ้ามืดจึงพบบ้านคนหลังหนึ่ง รีบไปเคาะประตู มีพ่อบ้านเดินออกมาถามว่ามีเรื่องอะไร เขาบอกขอข้าวกินหน่อย 
พอดีเศรษฐีเจ้าของบ้านออกมาเห็นเข้า เลยถามขอทานว่า มืดอย่างนี้แล้วทำไมยังเดินทางอยู่อีก ขอทานจึงเล่าชะตาชีวิตให้เศรษฐีฟัง พร้อมกับบอกว่าจะไปถามเหตุผลกับพระพุทธองค์

เศรษฐีได้ยินดังนั้น รีบเชิญขอทานเข้าไปนั่งในบ้าน ให้เสบียงกรังและเงินกับเขาจำนวนหนึ่ง 
ขอทานถามว่าทำไมทำเช่นนั้น เศรษฐีจึงเล่าเหตุผลให้ฟังว่า “ลูกสาวข้าอายุ ๑๖ ปีแล้ว ยังพูดไม่ได้ ขอร้องให้เจ้าช่วยถามเหตุผลกับพระพุทธองค์ด้วย”

ตัวเศรษฐีเองเคยสาบานว่าใครก็ตามที่ทำให้ลูกสาวของตนพูดได้ เขาก็จะให้ลูกสาวแต่งงานกับคนนั้น ขอทานได้ฟังเช่นนั้น คิดว่าไหนๆก็จะไปหาพระพุทธองค์อยู่แล้ว เราก็ควรจะถือโอกาสช่วยถามปัญหาให้เขาสักหน่อยก็ได้ ขอทานจึงรับปากจะถามให้

ขอทานเดินทางต่อไป ผ่านภูเขาลูกแล้วลูกเล่า จนกระทั่งเดินมาถึงภูเขาลูกหนึ่ง เห็นวัดแห่งหนึ่งตั้งอยู่ ก็เลยเข้าไปขอน้ำดื่ม เห็นพระภิกษุชรารูปหนึ่ง ในมือถือไม้เท้าดีบุก ท่าทางของท่านแก่ชรามาก แต่ดูกระฉับกระเฉงมีชีวิตชีวา

พระภิกษุชราให้น้ำเขาดื่มและบอกให้เขาพักผ่อนสักครู่ แล้วถามเขาว่าจะไปไหน ขอทานบอกจุดหมายที่จะไป พระภิกษุชรารีบจับมือขอทานไว้และพูดว่า 
“ขอร้องเจ้าช่วยถามพระพุทธองค์ให้หน่อย ข้าเข้าฌานฝึกฝนสมาธิมา ๕๐๐ กว่าปีแล้ว ตามหลักควรจะขึ้นสวรรค์ได้แล้ว แต่ทำไมจนป่านนี้ยังบินขึ้นไปไม่ได้” ขอทานก็เลยรับปากพระภิกษุชราว่าจะถามปัญหาให้

เดินไปข้างหน้า ผ่านหนทางทั้งห้วยหนองคลองบึง ขอทานมาถึงริมแม่น้ำสายหนึ่ง ในแม่น้ำไม่มีเรือสักลำ ขอทานร้อนรนใจ จะทำอย่างไรดี จะข้ามไปยังไง ขอทานร้องไห้และพูดว่า หรือว่าชีวิตข้าจะต้องลำบากเช่นนี้หรือ

ทันใดนั้น 
เต่ายักษ์แก่ ตัวหนึ่งโผล่ขึ้นเหนือน้ำ เต่าแก่พูดภาษาคนได้ ถามขอทานว่ามาร้องไห้ที่นี่ทำไม ขอทานเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง เต่าแก่พูดกับเขาว่า ข้าได้เข้าฌานปฏิบัติตนมา ๑๐๐๐ ปีแล้ว ตามหลักน่าจะกลายเป็นมังกรบินไปแล้ว ทำไมยังเป็นแค่เต่าแก่ๆตัวหนึ่ง ถ้าเจ้าไปพบพระพุทธองค์ช่วยถามให้ข้าด้วย ข้าจะให้เจ้าขี่ข้ามแม่น้ำไปยังฝั่งตรงข้าม” ขอทานจึงรับปากด้วยความดีใจ

ขอทานมุ่งหน้าเดินทางเรื่อยไปจนตนเองก็จำไม่ได้แล้วว่ากี่วัน แต่ก็หาพระพุทธองค์ไม่เจอ คิดในใจว่าพระพุทธองค์อยู่ไหนนะ แดนสุขาวดีน่าจะถึงแล้ว ขอทานเสียใจมาก เลยผล็อยหลับไปแบบงุนงง

ทันใดนั้นพระพุทธองค์ปรากฏพระองค์ขึ้น ขอทานดีใจมาก 
พระพุทธองค์ถามขอทานว่า 
“เจ้าอุตส่าห์เดินทางมาไกลถึงขนาดนี้ น่าจะมีคำถามอะไรที่สำคัญมากใช่ไหม” 
เจ้าขอทานรีบตอบด้วยความดีใจว่า “ใช่แล้วพระเจ้าค่ะ ข้าน้อยประสงค์จะถามคำถามหลายคำถาม หวังว่าพระองค์จะทรงมีพระเมตตาช่วยไขปัญหาและอธิบายให้ข้าน้อยเข้าใจได้”

พระพุทธองค์ทรงทอดพระเนตรขอทานด้วยความเมตตากรุณา แล้วทรงตรัสว่า “ได้สิ แต่มีเงื่อนไขหนึ่งนะ เจ้าจะถามปัญหาได้สูงสุดแค่ ๓ คำถามเท่านั้น เพราะว่าไม่เคยมีใครถามเกิน ๓ คำถามมาก่อน”

ขอทานตอบตกลง พลางคิดคำนึงในใจว่า ข้าจะถามคำถามไหนดีหนอ” 
ในที่สุดขอทานรู้สึกว่าคำถามของตนเองช่างไม่มีความสำคัญเลย คำถามของคนอื่นนั้นสำคัญกว่า

เต่าแก่เข้าฌานมา ๑๐๐๐ ปีแล้ว ไม่ใช่เรื่องง่าย คำถามของเขา น่าจะลองถามดู...

พระภิกษุชราปฏิบัติธรรมมา ๕๐๐ ปี ก็ลำบากมาก คำถามของท่าน ก็น่าจะถามดู...

ลูกสาวเศรษฐีช่างน่าสงสารนัก เมื่อโตเป็นสาวแล้วแต่พูดไม่ได้ แล้วจะแต่งงานได้ยังไง คำถามของเศรษฐีจึงสำคัญไม่น้อย ก็น่าจะถามดู ...

และแล้วขอทานจึงไม่ลังเลที่จะถามคำถามที่ ๑ ของเต่าแก่

พระพุทธองค์ทรงตรัสตอบเขาว่า “เต่าแก่ไม่ยอมสละกระดองของมัน ก็เลยไม่สามารถกลายเป็นมังกรได้ ในกระดองของเต่ามีไข่มุกราตรีอยู่ ๒๔ เม็ด ถ้ามันยอมสละกระดอง มันก็จะกลายเป็นมังกรได้ตามความปรารถนา”

คำถามที่ ๒ พระพุทธองค์ทรงตอบว่า พระภิกษุชราถือไม้เท้าวิเศษทั้งวัน ในใจพะวงแต่ไม้เท้าว่าเป็นของวิเศษ ใช้ไม้เท้าเคาะบนพื้นหนึ่งที พื้นดินก็จะกลายเป็นธารน้ำใส ถ้าหากพระภิกษุชรายอมโยนไม้เท้าทิ้งไป ก็จะขึ้นสวรรค์ได้แล้ว”

ขอทานดีใจมาก จึงถามคำถามที่ ๓ ต่อไป พระพุทธองค์ทรงตรัสตอบว่า “ถ้าเด็กสาวได้พบคนที่เธอรัก เธอก็จะพูดได้เอง” และทันใดนั้นพระพุทธองค์ก็ทรงอันตรธานหายวับไป

ขอทานมาคิดดูแล้วรู้สึกว่า 
ปัญหาของตัวเองไม่มีอะไรสำคัญ กลับไปขอทานตามเดิมดีกว่า 
จึงรีบเดินทางกลับเพื่อไปแจ้งข่าวเรื่องคำตอบแก่บุคคลทั้งสามที่รอคอยอยู่

ขอทานกลับมาถึงริมแม่น้ำ เต่าแก่คำนวณว่าขอทานน่าจะมาถึงแล้ว จึงรีบถามว่าพระพุทธองค์ตรัสว่ายังไง ขอทานพูดว่า เจ้าพาข้าข้ามแม่น้ำไปก่อน ข้าจะเล่าให้ฟัง เต่าพาขอทานข้ามแม่น้ำไป ขอทานจึงเล่าสาเหตุให้ฟัง

เต่าฟังแล้วเข้าใจทันที จึงถอดกระดองออกยกให้ขอทานและพูดว่า “ในนี้มีไข่มุกราตรี ๒๔ เม็ด เป็นของที่ล้ำค่าประเมินราคามิได้ ต่อไปนี้ของสิ่งนี้สำหรับข้าไม่มีประโยชน์อีกแล้ว ข้าขอยกให้เจ้า” เต่าแก่จึงกลายเป็นมังกร บินหายไป

ขอทานเอาไข่มุกราตรี ๒๔ เม็ด รีบเดินทางกลับมาถึงวัดบนภูเขา พบกับพระภิกษุชรา 
พระภิกษุชรารีบถามว่าพระพุทธองค์ท่านตรัสว่าอย่างไร ขอทานจึงเล่าถึงสาเหตุที่แท้จริงให้ฟัง 
พระภิกษุชราได้ฟังแล้วเกิดปัญญาแจ่มแจ้งและดีใจมาก จึงมอบไม้เท้าวิเศษนั้นให้แก่ขอทาน แล้วพระภิกษุชราก็บินขึ้นสู่ท้องฟ้าขี่ก้อนเมฆหายไป

ขอทานได้เดินทางมาถึงหน้าบ้านเศรษฐี ทันใดนั้น ก็มีหญิงสาววิ่งออกมาและตะโกนเสียงดังว่า “คนที่ไปถามพระพุทธองค์กลับมาแล้ว”

เศรษฐีก็รีบวิ่งออกมาดู เขาตกใจมากที่จู่ๆลูกสาวเขาก็พูดได้ ขอทานถ่ายทอดคำตรัสพระพุทธองค์ให้เศรษฐีรับรู้ เศรษฐีดีใจมาก จึงให้ลูกสาวแต่งงานกับขอทาน


ความรักที่ให้ออกไป ความรักก็จะย้อนกลับคืนมา

ความสุขที่ให้ออกไป ความสุขก็จะย้อนกลับคืนมา


การมีน้ำใจคิดเผื่อถึงคนอื่น ย่อมจะต้องมีคนคิดถึงเรา


นี่คือเหตุและผล นี่คือกฏเกณฑ์




การยึดติดในบางสิ่ง ทำให้ไม่อาจบรรลุผลสำเร็จดังประสงค์ 
ดุจชีวิตของเต่าแก่และพระภิกษุชรา

ขอทานแม้ภายนอกจะต่ำต้อยยากจนสักเพียงไหน  
แต่หัวใจของขอทานมีความรักแท้เปี่ยมล้นอยู่ภายใน  
ความรักแท้ของเขาอันสูงส่งและยิ่งใหญ่ 
จึงยืนอยู่เหนือทุกคนและเหนือสิ่งทั้งปวง

การแบ่งปันเล็กๆ ของท่าน อาจให้แสงสว่างแก่ผู้คนอื่นอีกมากมาย 
คนมีความฝันทำให้เกิดหัวใจที่สูงส่งยิ่งใหญ่

เมื่อท่านอ่านบทความนี้จบ ท่าน 2 ทางเลือก

1. ท่านเผยแพร่ออกเต็มความสามารถ ทำโลกนี้ความรักเพิ่มขึ้น
2. ท่านสามารถไม่สนใจ เสมือนหนึ่งท่านไม่เคยเห็นมันเลย



มีคนแชร์บน Facebook ค่ะ  
ปกติแล้วไม่เคยอ่านไทยอะไรยาวๆ แบบนี้
ลองตั้งใจอ่านดู  รู้สึกดีมาก  
อยากแชร์ต่อ

Share on Google Plus

About Earn

This is a short description in the author block about the author. You edit it by entering text in the "Biographical Info" field in the user admin panel.
    Blogger Comment
    Facebook Comment

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น